Nuke,BB Gun

คู่มือการเลือกใช้สปริง

ารางแสดงค่าความสัมพันธ์ ของสปริงเบอร์ต่างๆ
การเลือกสปริงให้ถูกเบอร์ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการปรับแต่งปืน
เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่สูงสุด
โดยในการเลือกใช้สปริงแต่ละเบอร์นั้น เราต้องคำนึง
ถึงแรงดันแบทเตอร์รี่ที่เราใช้ + อัตราทดของเฟืองควบคู่กันไปด้วย

เช่น หากคุณเลือกใช้สปริงแข็งมากๆ แต่เฟืองที่คุณใช้เป็นเฟืองสปีด
ปืนยิงแรงขึ้นก็จริง แต่ชุดเฟืองก็อาจลาโลก ไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ลองยิงก็ได้
ซึ่งมันไม่ขำเลยเพราะ เฟืองชุดนึงก็แพงใช่เล่น
ลองดูค่าความสัมพันธ์ต่างๆจากตารางนะครับ

หวังว่าจะช่วยให้ทุกท่านสนุกกับการแต่งปืนมากขึ้นนะครับ

?

?

ไม่เกิน 350 ฟุต/วินาที
อะไหล่ขั้นต้น ควรเปลี่ยนบูชจากพลาสติกเป็นบูชโลหะ

ระหว่าง 350 - ไม่เกิน 400 ฟุต/ วินาที
อะไหล่ขั้นต้น ควรเปลี่ยน
- บูช เป็นโลหะแทนพลาสติกของเดิม
- เฟือง ควรเปลี่ยนเป็นแบบที่แข็งแรงขึ้น

แรงเกิน 400 ฟุต/วินาที ขึ้นไป

หากจะใช้สปริงตามตารางนี้ อะไหล่ขั้นต้น ควรเปลี่ยน
- บูช เป็นโลหะแทนพลาสติกของเดิม
- เฟือง ควรเปลี่ยนเป็นแบบที่แข็งแรงขึ้น หรือเป็นเฟืองทดรอบแบบ ไฮ- ทอร์ค ขึ้นไป
- เกียร์บ็อค ควรเปลี่ยนเป็นแบบหนาขึ้น (Reinforced gearbox)
- ใช้แบตที่โวล์ตหรือแอมป์ สูงขึ้น


** ปืนยิ่งแต่งแรง ความสึกหรอยิ่งสูง แรงขึ้นไม่ได้หมายความว่าจะแม่นขึ้น
หรือ ยิงได้ไกลขึ้นกว่าเดิมมากนัก
กรุณาทำใจ หากคิดจะแต่งแรง ต้องมีทุนสำรองสำหรับอะไหล่ไว้ด้วย


ที่มา http://www.suwapuch-bbgun.com

วิธีการเรียงชิม-เรียงเฟือง

การเรียงชิมและเฟือง เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการแต่งปืน
การเรียงชิม ที่ดีจะช่วยให้เฟืองของเราหมุนได้คล่องตัว
ช่วยเพิ่มประสิทธิ์ภาพในการยิงเพิ่มขึ้น
และถนอมอายุการใช้งานเฟือง+อุปกรณ์ภายในให้อยู่กับเรานานขึ้น

ไม่ได้ช่วยให้ยิงแรงขึ้นนะ อย่าเข้าใจผิด แต่ทำให้ยิงเร็วขึ้นอีกนิ๊ซซซ

วิธีการเรียงก็ไม่ยากและก็ไม่ง่าย ต้องอาศัยประสบการณ์+ความอดทน
เพราะกว่าจะแกะเข้าแกะออกนั้นใช้เวลาพอสมควร
ชิ้นส่วนเล็กๆน้อยๆ มันมีเยอะ หากใจไม่นิ่งพออาจ โมโห
จับปาทิ้งเหมือนผมครั้งแรกๆก็ได้ 555 คิดแล้วก็เสียดาย

มาดูหน้าตา ชิม (Shim) โดยปกติที่มีขาย ก็จะมี 3 ประเภท
หนา ?.?mm Small & Silver ?เส้นผ่าศูนย์กลาง ?mm?
หนา ?.?mm?Large & Silver ?เส้นผ่าศูนย์กลาง ?mm?
หนา ?.?mm?Golden ?เส้นผ่าศูนย์กลาง ?mm?

อย่าเก็บไว้ปนกันละ เดี๋ยวปนกันแล้วหาไม่เจอ

ไอ้นี่แหละที่เราเรียกว่าเฟือง(Gear) คุณจะพบมันได้ในเกียร์บ็อกของคุณ
(อย่ามือบอลไปแกะมันดูเล่นหากไม่จำเป็นละ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน เห่อๆ)
เฟืองทั้ง3ตัวมีชื่อเรียกไม่เหมือนกัน ดูจากรูปนะครับ
1. Bevel Gear เฟืองตัวรับแรงขับจากมอเตอร์
2. Spur Gear เฟืองทดตัวกลาง
3. Selector Gear เฟืองปรับโหมดการยิง+ขับลูกสูบ

วิธีการเรียงชิมก็ทำได้โดย
ดูตัวอย่างจากรูปดำๆ ข้างบน ไม่จำเป็นต้องใส่ชิมให้ครบตามรูปนะครับ
มันเป็นสูตรสำเร็จ ใช้กับปืนญี่ปุ่นนะได้ แต่ถ้าปืนจีนนี่ต้องเรียงเอง
ขึ้นอยู่กับระยะห่างของเฟืองท่านว่าจุดใดห่างจุดได้แน่น
ใส่มากไปเฟืองแน่นกว่าเดิมมอเตอร์ขับไม่ไหวเด้อ มอเตอร์จะพังเอา
น้อยไปก็หลวม ยิงแล้วเสียงไม่แน่น แถมเฟือนขบกันหักอีก

วิธีการสังเกตุว่าเรียงดีไม่ดีดูที่

เฟืองตัวล่าง (Spur Gear) ต้องมีระยะห่างจากเกียร์บ็อก
ตัวเฟืองต้องไม่ถูกับ Gear Box หรือ บุช

จุดไหนบ้างต้องเรียงชิม สังเกตุได้ง่ายๆจาก ร่องรอยบนเกียร์บ๊อกซ์
ที่เกิดจากเฟืองหมุนไปโดน

อีกจุดต้องระวัง คือจุดสัมผัสบริเวณก้านปรับโหมด Semi อย่าให้แตะโดนเฟืองตัวล่าง

ระวังตรงจุดสัมผัสของเฟืองตัวกลาง (Sector Gear) กับ เฟืองตัวบน(Bevel Gear)
ทั้ง 2 จุด ตามรูป(สีน้ำเงิน)

จัดวางฟันเฟืองที่ลูกสูบ ให้อยู่ตรงกลางกับฟันเฟือง Sector Gear
ป้องกันลูกสูบวิ่งไม่สุด

จุดสุดท้าย คือตรงจุดสัมผัสระหว่างเฟืองกับก้านปรับโหมด Semi
จากนั้น ตรวจสอบการเรียงชิมครั้งสุดท้าย โดยการปิดเกียร์บ๊อกซ์ ยังไม่ต้องใส่ปลอกสูบ
ลูกสูปและสปริง ลองหมุนเฟืองดู จากนั้นลองยิงดู
เฟืองต้องหมุนโดยไม่เสียดสีกัน ถอดออกมาอีกครั้งอัดจารบีก่อนปิดบ็อก
เป็นอันเสร็จพิธี

ทบทวนอีกครั้ง

?

?

?

Credit:
http://pageproducer.arczip.com/daedalus03/workshop.html
http://www.21stcenturyairsoft.com/21cashimguide.php

www.mkbbclub.com



ปล.ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่ เพราะอาจเสียของได้ แนะนำให้ไปหาช่าง
ให้เค้าทำให้ก่อนแล้วอาศัยจำวิธีแกะ+ประกอบของช่างมา วันหลังจะได้ทำเป็น

อ่อ. ปืนใหม่ไม่ต้องรีบเอาไปทำนะครับ เพราะโรงงานมันทำมาดีอยู่แล้ว
(เฉพาะของญี่ปุ่นนะ ถ้าของปืนจีนอาจต้องไปทำตั้งแต่แรกๆถึงจะยิงดี)
ใช้ไปซักพักหาก เสียงจากเกียร์บ็อกเริ่มแปลกๆ ยิงได้ช้าลงทั้งๆที่แบทเต็ม
ค่อยเอาไปทำครับ ไม่แนะนำให้เสียตังค์ก่อนเวลาอันควร หุหุ

ปัจจัยความแรงของปืนแบบแก๊ส

ปืนที่ใช้ Gas เป็นแรงขับนั้น จะทำงานโดยเมื่อมีการเหนี่ยวไกปืน นกสับจะไปกระแทกกลไกที่ต่อไปยังเข็มแทงชนวน แต่แทนที่เข็มแทงชนวนจะไปกระทบกับแก๊บในกระสุนปืนอย่างปืนจริง เจ้าเข็มแทงชนวนนี้ (เข็มแทงชนวนนี้ จะอยู่คนละตำแหน่งกับปืนจริงครับ:Webmaster) จะไปกระแทกกับวาล์วแก๊ส ซึ่งปืนสั้นโดยส่วนมาก วาล์วนี้จะอยู่ที่แม๊กกาซีนปืน (จะมีบ้างที่ซ่อนอยู่ในด้ามปืน) จากนั้นแก๊สส่วนหนึ่งจะดันลูกออกมา ในขณะที่แก๊สที่เหลือ จะไปดันลำเลือนเพื่อ Load กระสุนใหม่ (Semi-Auto Blowback) ทีนี้ปัจจัยของความแรงหลักๆ จึงจะอยู่ที่ ...

1. แรงดันของแก๊ส
แรง ดันของแก๊สนั้น เราคงจะทราบกันดีอยู่ว่า ถ้าแรงดันมีมากก็จะสามารถสร้างแรงต้นให้กับลูกกระสุนของเราได้เป็นอย่างดี ตามหลักฟิสิกส์ (Thermodynamic) เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ที่อุณหภูมิเท่ากัน ยิ่งแก๊สที่มีจุดเดือดต่ำเท่าไหร่ ก็จะสามารถสร้างแรงดันได้มากเท่านั้น ดังจะเห็นได้จากแก๊สที่มีขายประเภทต่างๆ ยิ่งแก๊สแรงเท่าไหร่ จุดเดือดจะต่ำตามไปด้วยทีนี้ถ้ายิ่งแก๊สที่มีจุดเดือดต่ำเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะมีราคาแพงเท่านั้น นึกถึงแก๊สโมออกมั๊ยครับ ที่เรามักเรียกกันว่ากระป๋องลายพรางน่ะ (กระป๋องสีขาว ยาวๆ มีลายพรางรอบๆ) ที่เห็นว่ากระบอกยาวๆนั่นน่ะ ที่จริงไม่ได้มีแก๊สเยอะกว่าแบบอื่นนะครับ แต่ที่จุดเดือดของเค้า ปริมาตรที่จะถูกบรรจุอยู่ได้จะต้องมีมากกว่ากระป๋องปกติ น้ำหนักถึงจะพอดี ถ้าใช้กระป๋องเล็กกว่านี้ แต่คงน้ำหนักแก๊สไว้ จะทำให้กระป๋องมีแรงดันสูงมาก โอกาสที่กระป๋องจะระเบิดได้ง่ายก็สูงขึ้น เป็นอันว่า แก๊สแรงเท่านั้น จะยิงได้แรงกว่าเท่านั้นหรือ คำตอบก็คือ "ไม่จำเป็นครับ" ตามหลักฟิสิกส์ ถ้าเรามีแก๊สชนิดเดียวกัน เราจะสามารถเพิ่มแรงดันได้ 2 วิธีครับ

วิธีแรก ลดอุณหภูมิของถังเก็บแก๊ส เพื่อเพิ่มปริมาณ หรือเพิ่มน้ำหนักของแก๊สในถังเก็บเราอาจจะแช่ Magazine ของเราเอาไว้ในตู้เย็น ไว้ในช่องที่เย็นจัดก่อนที่จะเติมแก๊ส (ถ้าไม่กลัวปืนพัง จะเอาไปแช่ช่องแข็งก็ได้) เวลาจะเอามายิง ก็ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องสักพักและคอยเช็ดไอน้ำออกก่อนบรรจุลูก และทำการยิง เท่านี้ก็ได้ความแรงเพิ่มขึ้นแล้ว หรือเราจะใช้วิธีแช่กระป๋องแก๊สของเราเอาไว้ด้วยก็ได้แก๊สเราจะได้อยู่ใน สถานะของเหลว แต่ผมไม่แนะนำครับที่จะเอากระป๋องแก๊สไปแช่นานๆ โดยเฉพาะแช่ช่องแข็ง เพราะถ้าแก๊สเป็นของเหลวมากๆ แล้วย้ายไปอยู่ในถังแก๊สที่ Magazine ของเรา เวลามันขยายตัว เราจะควบคุมไม่ได้ อย่างดีก็วาล์วทะลุ อย่างซวยก็ถังเก็บระเบิด มือไม้แหกกันพอดีครับ วันหลัง ผมจะมาสาธยายเรื่อง Gas ให้ฟักกันอีกทีดีกว่า

วิธี ที่สอง การควบคุมอุณหภูมิขณะทำการยิง เคยสังเกตุกันบ้างมั๊ยครับว่า เวลายิงต่อเนื่องแล้ว อยู่ๆ แก๊สจะเบาลงอย่างกระทันหัน บางที่ก็ฟู่ออกมา ที่เป็นอย่างงั้นก็เพราะว่า ในระหว่างที่แก๊ส และวาล์วทำงานอยู่นั้น แก๊สบางส่วนที่เล็ดลอดออกมา หรือออกมาเพื่อทำการ Blowback จะทำให้อุณหภูมิของถังเก็บเย็นลง แก๊สจะลดแรงดันลง หรืออาจจะกลายเป็นของเหลว ทำให้ปืนเรายิงได้เบาลง ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาความแรง และถนอมปืนของเรา เราไม่ควรจะยิ่งต่อเนื่องครับ (หรือที่เรียกกันว่า ยิง Solo) ให้ใช้การยิงเป็นชุด ชุดละ 2-3 นัด จะดีกว่าครับ

วิธีที่สาม เพิ่มอุณหภูมิของถังเก็บแก๊ส วิธีนี้จะใช้หลักการเดียวกับวิธีที่ 1 แต่เป็นวิธีการตรงกันข้าม คือภายหลังจากการเติมแก๊ส หรือก่อนใช้งาน-ยิง ให้ทำการเพิ่มอุณหภูมิของแม๊ก โดยใช้ไฟลนส่วนที่เป็นถังเก็บโลหะ หรือสามารถนำไปตากแดด เพื่อเพิ่มอุณหภูมิ และทำให้ของเหลวกลายเป็นไอ เพิ่มแรงดันไปโดยปริยาย วิธีนี้ จะเป็นวิธีที่นิยมที่สุดครับ เพราะง่าย และสะดวก

2. ปริมาณของแก๊สที่ผ่านวาล์วออกมา
วาล์ว ที่ถังแก๊สนั้น จะเป็นตัวที่ใช้ควบคุมปริมาณของแก๊สที่จะใช้ขับกระสุนออกมา แต่ไม่ใช่ว่าวาล์วที่ปล่อยแก๊สออกมาเยอะ จะทำให้ปืนแรงนะครับ อัตราการไหลของแก๊สที่จะผ่านวาล์วออกมา (Valve Flow Rate) จะต้องสัมพันธ์กับปัจจัยอื่นๆของปืนด้วย เช่น สปริงรีคอล์ย ขนาดความจุของถังแก๊ส ชนิดของแก๊ส อันนี้ต้องขอบอกเป็นส่วนตัวว่า ปืนตระกูล SV ของค่าย Western Arms นั้น ทำออกมาได้ดีมากๆครับ ดังนั้นไม่ใช่ว่าปืนแก๊สทุกกระบอกจะทำได้นะครับ ต้องศึกษาจากคู่มือ และสอบถามจากบริษัทผู้ผลิตเอาครับ (ยกเว้นแต่ว่า ที่บ้านจะมีโรงกลึง และโรงทำ O-Ring เอง จะได้ทำวาล์วใช้เอง หุ หุ)

3. น้ำหนักของกระสุน
หลาย ท่านอาจจะทราบแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายท่านที่ยังไม่ทราบว่า น้ำหนักกระสุนก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับความแรงด้วย น้ำหนักกระสุนสำหรับปืนสั้นที่ใช้กันโดยทั่วไป จะมี 0.14g, 0.2g, 0.25g, และ 0.3g ครับ เจ้า 0.14g เนี่ยบ้านเราจะไม่ค่อยได้เห็น เพราะใช้กับปืนพวก Mini เราจะใช้ 0.2g กันมากกว่า ซึ่งเท่าที่ผมเห็น โดยมากจะมีจำหน่ายกันอยู่ที่ 0.2g กับ 0.25g และ 0.2g ก็จะขายได้ดีกว่า และนิยมใช้กว่าเพราะถ้าเทียบกันตามจำนวนกระสุน ต่อราคาแล้วล่ะก็ 0.2g จะถูกกว่า แต่ถ้าอยากให้ปืนแรงขึ้น ขอแนะนำให้ใช้กระสุนที่มีน้ำหนักมากขึ้นครับ เนื่องจากแรงดันของแก๊ส ที่ทำต่อน้ำหนักของลูกกระสุนนั้น จะทำให้กระสุนมีแรงส่ง สูงกว่ากระสุนที่น้ำหนักเบา ตรงนี้เมืองนอกเค้าใช้หน่วยวัดเป็น "จูลล์" หรือ Jules ครับ แต่การใช้กระสุนที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น จะมีปัญหาทำให้ระยะทางของกระสุนสั้นลง อาจลดลงถึง 10 เมตรเลยทีเดียวครับ

4. Hop-up
ปืน ที่มี Hopup เปรียบแล้วก็เหมือนกับปืนจริงที่มีการตีเกลียวในลำกล้อง Hopup ทั้งที่ปรับได้ และปรับไม่ได้ จะช่วยทำให้กระสุนเกิดการหมุนตัวระหว่างเดินทางไปในอากาศ ทำให้กระสุนเดินทางได้ไกลขึ้น และแม่นยำขึ้นครับ

5. Recoil Spring
สำหรับ ปืน Blow Back แล้ว เมื่อแก๊สส่วนหนึ่งดัน Slide เดินถอยหลังไปแล้ว ชิ้นส่วนที่จะทำให้ Slide เคลื่อนที่กลับมา พร้อมกันเกิดแรงส่ง ดันลูกที่วิ่งอยู่ในลำกล้องออกไปด้วย ก็คือ Spring ที่ติดตั้งอยู่ที่แกนนำ Slide ในภาษาเทคนิค เราเรียก Spring ตัวนี้ว่า Recoil Spring และแกนนำสไลด์ เราเรียกว่า Guild Rod ซึ่งจริงๆแล้ว ในปืนจริง Recoil Spring ทำหน้าที่ดัน Slide กลับเข้าที่ และป้อนกระสุนนัดใหม่เข้ารังเพลิงเท่านั้น แต่ใน BB มันจะเป็นตัวส่งลูกไปด้วยเพื่อเพิ่มความเร็วต้น ดังนั้น การเปลี่ยน Recoil Spring ที่มีความแข็งมากขึ้น ก็จะช่วยส่งผลให้ปืนของเรามีความแรงเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดูด้วยว่าไม่แข็งมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้ Slide เดินกลับมาเร็วเกินไป อาจทำให้กลไกการยิงบกพร่องได้ นอกเหนือจากนี้ การที่ Recoil ของ Slide กลับมาเร็ว ทำให้เราสามารถเพิ่มอัตราการยิง ได้เร็วขึ้นด้วยครับ

ที่มาจาก http://www.suwapuch-bbgun.com

วิธีเลือกซื้อ bb gun

สำหรับ กลุ่มผู้เล่นปืนบีบีในบ้านเรานั้น ยังสามารถจำแนกแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้คือ กลุ่มที่เป็นขาประจำเล่นตามสนามต่างๆ ทั้งในกรุงและหัวเมืองใหญ่ๆ , กลุ่มซื้อเพื่อเก็บสะสม กลุ่มนี้ส่วนใหญ่มักจะไม่มีเวลาเล่นตามสนามต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะการเงินดี กำลังซื้อสูง ที่สำคัญชอบสะสมปืนแปลกๆ แพงๆ กันเป็นล่ำเป็นสัน , ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มที่ซื้อเพื่อไปเล่นกันเองเป็นการส่วนตัว กลุ่มนี้ส่วนมากจะอยู่ต่างจังหวัดกันซะเยอะครับ ประเภทมีที่ดินนับสิบนับร้อยไร่ เลยซื้อปืนของเล่นประเภทนี้ไปยิงนก ยิงหนู อะไรไปเรื่อยเปื่อยตามประสา



1. มองหาเครื่องหมาย ASGK ก่อนอื่น
" ปืนอัดลมเบา" หรือถ้าเรียกแบบชาวบ้านๆ ว่า "ปืนบีบี" แต่อย่าสับสนกับคำว่า "ปืนลมหรือปืนอัดลม" นะครับ เพราะความหมายนั้นต่างกันลิบลับ คงไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยให้อ่านกันอีกนะครับ ไม่เข้าใจจริงๆ ก็เปิดพจนานุกรมดูล่ะกัน

ปืนบีบีที่เราๆ ท่านๆ ในวงการนี้ ต่างก็คงคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี ในฐานะปืนของเล่นเสมือนจริงชนิดหนึ่ง มีทั้งที่ชนิดทำเทียมลอกเลียนแบบจากจีนแผ่นดินใหญ่ และประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปืนบีบีที่ผลิตจากประเทศจีนการันตีได้เลยว่า ยังไงๆ คุณภาพและความสวยงาม ไม่อาจเทียบเท่าเศษเสี้ยวปืนบีบีที่ผลิตจากญี่ปุ่น และที่สำคัญ ไม่ได้มาตรฐานการรับรองในเรื่องความปลอดภัยจากสมาคมปืนของเล่นประเทศญี่ปุ่น อย่างแน่นอน

ปืนบีบีที่ผลิตจากแดนชาเขียวแทบทุกยี่ห้อ ทุกค่าย จะต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานในด้านความปลอดภัยเสียก่อน จึงจะมีสิทธิ์ได้รับตรารับรอง ASGK มาแปะติดที่ข้างกล่องผลิตภัณฑ์ และนำออกมาจำหน่ายได้ คำว่า ASGK ที่เรียกกันนี้ ย่อมาจากคำเต็มๆ ว่า Air Soft Gun Kyougikai ซึ่งแปลเป็นไทยว่า "สมาคมปืนของเล่น" ซึ่งปัจจุบันมีมากมายหลายสิบยี่ห้อ และมีฐานการผลิตภายในประเทศญี่ปุ่นเอง แต่ยี่ห้อที่เป็นที่ยอมรับ และชื่อคุ้นหูคนไทยมีเพียงไม่กี่ยี่ห้อ อันได้แก่ยี่ห้อ Tokyo Marui, Western Arm, Marushin, Marazen, Tanaka Work ฯลฯ ยี่ห้อเหล่านี้จะมีตราสัญลักษณ์ ASGK ติดมาพร้อมกับหมายเลขซีเรียลนัมเบอร์แปะติดกำกับไว้ทุกกล่อง

หากใคร ที่คิดกำลังจะซื้อปืนบีบีมาเล่นสักกระบอก อย่าลืมสังเกตสติ๊กเกอร์เครื่องหมายนี้ทุกครั้งก่อนซื้อ ก็จะอุ่นใจได้ในระดับหนึ่งว่า ปืนบีบีที่ซื้อมาได้มาตรฐานและมีความปลอดภัยอย่างแน่นอน


2. เช็คดูอุปกรณ์ประกอบในกล่องให้ครบ
นอก จากตราเครื่องหมาย ASGK แล้ว หากเปิดกล่องออกมา สิ่งสำคัญที่ต้องทำก่อนอื่นเลยก็คือ จะต้องตรวจเช็คดูอุปกรณ์ประกอบต่างๆ ภายในกล่องด้วยทุกครั้งครับ โดยเฉพาะกระสุนปืนบีบีที่บรรจุอยู่ในถุงซิปเล็กๆ จำนวนประมาณ 1-200 นัดว่ามีให้มาด้วยหรือปล่าว ซึ่งโดยส่วนใหญ่เท่าที่ตรวจพบถุงกระสุนของแถมมักจะหายอยู่บ่อยๆ ด้วยเหตุที่พ่อค้าหัวใสบางราย มักใช้ความที่ไม่รู้ของผู้ซื้อแอบหยิบออกมาแยกขายต่างหาก หรือไม่บางทีก็แอบแบ่งเทออกมาถุงละนิด ถุงละหน่อย แล้วนำมารวมๆ กันบรรจุใส่ถุงเก่าที่ใช้แล้ว ขายซ้ำอีกรอบ โกยกำไรเหนาะๆ ไม่ต่ำกว่า 500 บาทสบายๆ แฮ หรือที่แย่สุดๆ คือ แอบแบ่งกระสุนในถุงใหญ่ขนาดความจุ 3,500 เม็ด ออกมาจำนวนหนึ่งแล้วนำมารวมๆ กันแล้วบรรจุขายใหม่ ทำให้ถุงกระสุนปืนบีบีซึ่งโดยมาตรฐานแล้วจะบรรจุจำนวน 3,500 เม็ดไม่ขาดไม่เกิน ทั้งนี้จำนวนกระสุนที่อ้างถึง ผมจะเน้นที่ยี่ห้อ Tokyo Marui เป็นหลักครับ

นอกจากปัญหากระสุนหายที่พบบ่อยๆ แล้ว บางครั้งอุปกรณ์ที่แถมมาให้เฉพาะอย่างก็หายไปด้วย ยกตัวอย่าง รางติดใต้คอปืน Hi-Capa 5.1 Tokyo Marui นี้ก็เช่นกัน ที่มักพบว่าหายไปจากกล่องโดยไม่มีเหตุอันสมควร ทั้งๆ ที่มียางรัดแน่นติดกับกล่องอย่างแน่นหนา เขย่าๆ กระแทกยังไงๆ ก็ไม่มีทางกระเด็นหลุดหายอย่างแน่นนอนครับ ยกเว้นตั้งใจหยิบออกไป หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์เสริมอย่างขาจับกล้องจุดแดง บางทีอาจมีการสลับเปลี่ยนเอารุ่นอื่นมาใส่ แทนที่จะเป็นรุ่นของมันเอง แบบนี้ผู้ซื้อไม่มีทางรู้ได้เลยครับ


3. ตรวจดูสภาพน็อตยึดต่างๆ มีรอยบิ่น เยิน สีถลอกหรือไม่
เนื่อง จากว่า ปัจจุบันปืนบีบีที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งนำเข้าจากฮ่องกงและญี่ปุ่น ต้นทุนการนำเข้าจากทั้งสองแหล่งย่อมแตกต่างกัน ซึ่งแน่นอนว่า การนำเข้าจากฮ่องกง ย่อมมีราคาต้นทุนที่ถูกกว่านำเข้าจากญี่ปุ่นโดยตรง และเป็นธรรมชาติของการทำธุรกิจ หากลดต้นทุนได้มากเท่าไหร่ ยิ่งทำกำไรได้มากเท่านั้น การนำเข้าปืนบีบีบางรายจึงใช้วิธีถอดแยกออกเป็นชิ้นๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจพบ แล้วนำกลับมาให้ช่างในบ้านเราประกอบขึ้นมาใหม่ ทำให้ราคาต้นทุนนำเข้าจะต่ำกว่า การนำเข้าเป็นตัวๆ ซึ่งจะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ มากมายกว่าจะมาถึงมือผู้ซื้อ ซึ่งข้อสังเกตง่ายๆ ก็คือ จะพบว่าปืนที่นำมาประกอบชิ้นส่วนใหม่จะมีราคาที่ถูกกว่าปกติราวๆ 15-20 เปอร์เซ็นจากราคาขายจริง

กลับมาพูดถึงการนำเข้าชิ้นส่วนปืนบีบีมา ประกอบขายในบ้านเรากันต่อดีกว่า ครับ ปืนที่ถูกถอดออกมาเป็นชิ้นๆ จำนวนมากมายหลายๆ ร้อยกระบอกแน่นอนว่า เมื่อมีออเดอร์สังซื้อจำนวนมากๆ การรีบเร่งประกอบกลับคืนนั้น ย่อมมีโอกาสเสี่ยงที่จะได้ปืนที่มีสภาพไม่สมบูรณ์ครบ 100% เหมือนตอนที่ผลิตเสร็จจากโรงงานหมาดๆ อีกทั้งไม่ได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งมอบ ดั้งนั้นปืนที่ประกอบชิ้นส่วนขึ้นมาใหม่ ถึงแม้ว่าจะเป็นปืนใหม่ 100% แต่ระบบภายในนั้นไม่เหมือนเดิมเสียแล้วครับ แหวนรองน็อตอาจหายไปบ้าง น็อตบางตัวอาจจะเยินไปบ้าง น้ำยาล็อกเกลียวอาจจะไม่ได้หยอดใส่บ้าง ตลอดจนผงฝุ่นต่างๆ อาจเล็ดลอดเข้าไปภายในกระบอกสูบ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการใช้งานทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าอาจจะซื้อในราคาที่ถูกกว่าเพียงไม่กี่พันบาท แต่ผลเสียที่ได้รับในภายหลัง ย่อมไม่คุ้มค่าต่อการซ่อมแซมอย่างแน่นอน อีกทั้งปืนที่มีประวัติผ่านการซ่อมมาแล้ว จะทำให้การขายต่อมือสองราคาจะตกฮวบจนแทบไม่ได้อะไรเลยก็มี เผลอๆ ขาดทุนด้วยซ้ำไปก็มีครับ


4. อย่าหลงคารมบนอินเทอร์เน็ต
มือ ใหม่ๆ หลายต่อหลายรายที่เคยโดนตุ๋นผ่านอินเทอร์เน็ตเคยสารภาพให้ฟังว่า ด้วยความที่รู้น้อย ทุนน้อย แถมยังขาดที่ปรึกษาที่ดี ทำให้หลงเชื่อคารมคำโฆษณาชักชวนขายผ่านอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะการซื้อขายปืนและอะไหล่มือสอง (ร้อยรายจะมีจริงใจไม่ถึงหนึ่งราย) มักจะโดนหว่านล้อมด้วยคำพูดชักชวนต่างๆ นานา จนอาจต้องเผลอให้โอนเงินหรือส่งเงินทางไปรษณีย์ไปให้ก่อน แต่เมื่อได้รับสินค้ากลับไม่ตรงตามที่ได้ตกลงกันไว้ ฉะนั้นพึงระมัดระวังให้ดีครับ และจำไว้เสมอว่า ในโลกไซเบอร์ คำว่า "จริงใจให้กันย่อมไม่มี"


5. ซื้อของ ต้องได้เห็นของก่อนซื้อ!
อยาก ที่รู้ๆ กันว่าของเล่นประเภทนี้ เป็นของเล่นที่แปลกใหม่ แหวกแนว ซึ่งในประเทศที่ความเจริญแล้ว ถือว่าเป็นปกติธรรมดาสามัญ สำหรับการเล่นของเล่นชนิดนี้ ซึ่งบรรดาไดโนเสาร์แก่ๆ รุ่นเก่าๆ ในบ้านเราอาจจะยังรับไม่ได้กับเกมกีฬาประเภทนี้ ทำให้การซื้อขายและการนำเสนอจึงต้องทำกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนซื้อขายซีดีเถื่อนยังไงยังงั้น ผู้ค้าหลายๆ รายจึงต้องทำการค้าขายด้วยการชักจูงให้ลูกค้าจินตนาการถึงภาพสินค้าที่ตนเอง ต้องการก่อน แล้วหว่านล้อมให้ชำระเงินล่วงหน้า จากนั้นจึงจะทำการส่งมอบสินค้าให้ในภายหลัง ซึ่งทำให้ผู้ซื้อจะอยู่ในฐานะเสียเปรียบล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นการถูกเชิดเงินไปฟรีๆ หรืออิดออดถ่วงเวลาไม่ยอมคืนเงินให้ในภายหลัง เมื่อไม่มีสินค้าที่ต้องการ ทางที่ดีหากต้องการซื้อสินค้าชนิดใด ควรหาโอกาสที่ได้ลองสัมผัสดูเสียก่อน หากไม่พอใจในคุณภาพสินค้านั้นๆ เรายังสามารถระงับการจ่ายเงินให้กับพ่อค้าได้ทันท่วงที ลดโอกาสเสี่ยงที่จะได้สินค้าที่ไม่ตรงกับความตรงการหรือไม่ได้มาตรฐาน


6. อย่าลืมเรื่องบริการหลังการขาย
ข้อ นี้เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะกับปืนบีบีซึ่งมีเพียงไม่กี่จ้าวที่นำเข้ามาในประเทศ และมีพ่อค้าไม่กี่รายที่ค้าขายของเล่นประเภทนี้อย่างจริงๆ จังๆ ดังนั้นเมื่อซื้อมาแล้ว ผู้ซื้อก็ควรจะได้รับการบริการหลังการขายในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่า ปืนบีบีทุกกระบอกจะได้รับการตรวจสอบคุณภาพจากทางโรงงานมาแล้วก็ตาม แต่เมื่อผ่านการนำเข้าด้วยกลไกวิธีต่างๆ คุณภาพของตัวสินค้าอาจลดทอนคุณภาพลง ไม่ว่าจะเป็นการแอบถอดชิ้นส่วนบางชิ้นไปขายก่อน แล้วค่อยสั่งอะไหล่กลับมาประกอบใส่เข้าไปใหม่ทีหลัง หรืออาจจะเก่าเก็บจนลูกยางเริ่มเสื่อมสภาพ หรือมีรอยแตกลายงาบนเนื้อพลาสติก
ดัง นั้นก่อนตัดสนใจซื้อ ควรคำนึงถึงการบริการหลังการขายด้วยทุกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องการแต่งปืน ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเล่นปืนบีบีชื่นชอบกันมากๆ และช่างซ่อมก็มีมากมายหลายคน มีทั้งเก่งเล็ก เก่งใหญ่ แต่ละคนก็มีวิธีการซ่อมบำรุงที่แตกต่างกัน ช่างซ่อมเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะประจำตามสนามต่างๆ เรียกว่า อยู่ประจำกันที่นั่นกันเลย และเมื่อปืนบีบีถูกยำมาจากช่างคนหนึ่ง การที่จะส่งไปให้ช่างอีกคนซ่อมให้ ย่อมสร้างความลำบากใจให้กับช่างผู้ซ่อม โอกาสที่จะถูกปฏิเสธการรับซ่อมจึงเป็นไปได้มาก ทางที่ดีหากซื้อจากที่ไหน ควรให้ช่างที่นั่นเป็นผู้ดูแลให้จะดีที่สุดครับ

ที่มาจาก http://www.suwapuch-bbgun.com

สาระน่ารู้ บีบีกัน

BB GUN ย่อมาจาก Bullet Ball Gun หรือบางคนเรียกว่า Air Soft Gun คือปืนอัดลมแต่มีระบบกลไก
การทำงานภายในที่ถอดแบบ ออกมาจากปืนจริงบางส่วนมีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้ระบบแก๊ซ
และไฟฟ้า? ลักษณะภายนอกจะเหมือนปืนจริงจนแทบแยกไม่ออก? ด้วยผู้ผลิตจะพยายามทำมาให้เหมือนปืน
จริงให้มากที่สุด ทั้งขนาด น้ำหนัก สีสัน? บางรุ่นที่ใช้ทำจะทำเป็นโลหะแข็งจึงมีความเหมือนจริงมากเป็นพิเศษ.

การมีปืน BB ซึ่งเป็นเพียงสิ่งเทียมอาวุธปืนไว้ในครอบครองนั้น ไม่มีความผิด และ ไม่จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาต จาก พนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แต่อย่างใด เนื่องจากพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ไม่ได้กำหนดไว้ว่า ผู้ที่มีสิ่งเทียมอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง ได้ ต้องมีใบอนุญาต ให้มีสิ่งเทียมอาวุธปืน ไว้ในความครอบครองก่อน ซึ่งแตกต่างจาก เรื่องอาวุธปืน ซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ที่มีอาวุธปืน ไว้ในครอบครอง จะต้องได้รับใบอนุญาตก่อน

การพกพาปืน BB ติดต้วไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ ก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เช่นกัน เนื่องจากพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ไม่ได้บัญญัติกำหนดว่า ผู้ที่พกพาสิ่งเทียมอาวุธปืน ไปในสถานที่ดังกล่าวข้างต้น จะต้องมีใบอนุญาตให้พกพาสิ่งเทียมอาวุธปืนนั้น ๆ ก่อน ซึ่งแตกต่าง จากการพกพาอาวุธปืน ติดตัวไปในที่สาธารณะ ซึ่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กำหนดให้ผู้ที่พกพาอาวุธปืนติดตัวไปนั้น จะต้องได้รับใบอนุญาตให้พกพาอาวุธป ืนกระบอกนั้น ๆ ไปในที่สาธารณะได้ แต่อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าการพกพาปืน BB ติดตัวไปในที่สาธารณะโดยเปิดเผย จะไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งมีโทษร้ายแรงถึงจำคุก
แต่ ก็มิใช่ว่าผู้เล่นปืน BB จะสามารถเดินถือปืน BB ไปในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยได้ เนื่องจากปืน BB นั้น มีลักษณะที่เรียกได้ว่า แทบจะไม่แตกต่างไปจากอาวุธปืนของจริงเลยทีเดียว ผู้ที่พบเห็นย่อมเข้าใจผิด คิดว่าปืน BB เป็นอาวุธปืนได้ นอกจากนี้ ด้วยคุณลักษณะของปืน BB แม้จะไม่ใช่อาวุธปืน แต่ปืน BB ก็ยังอาจจะถูกนำมาใช้เป็นอาวุธได้ ดังนั้น ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 จึงกำหนดไว้ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดก็ตาม พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยเปิดเผย หรือไม่มีเหตุอันควร ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น เพื่อ หลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น ผู้มีปืน BB ไว้ในครอบครอง จึงควรใช้ ความระมัดระวัง และปฏิบัติต่อปืน BB ในการพกพา และขนย้าย เฉกเช่นเดียวกับ ที่พึงปฏิบัติต่ออาวุธปืน กล่าวคือ ไม่พกพาปืน BB อย่างเปิดเผย (พกพาในลักษณะที่ ผู้อื่นสามารถ เห็นได้ ไม่ว่าโดยง่ายหรือต้องสังเกต) ไปในที่ สาธารณะ และเมื่อทำการขนย้าย ก็ควรเก็บปืน BB และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้เล่น BB Gun ไว้ใน ที่เก็บสิ่งของ ท้ายรถยนต์ โดยควรมีกระเป๋าใส่ปืน BB แยกต่างหากจากกระเป๋าใส่ที่บรรจุกระสุน (แม็กกาซีนปืน) และอุปกรณ์อื่น ๆ

?

ปืน BB กับกฎหมายอาวุธปืน
มาตรา 4

" อาวุธปืน" หมายความรวมตลอดถึงอาวุธทุกชนิด ซึ่งใช้ส่งเครื่องกระสุนปืนโดยวิธีระเบิด หรือกำลังดันของแก๊ส หรืออัดลม หรือเครื่องกลไกอย่างใด ซึ่งต้องอาศัยอำนาจของพลังงาน และ ส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธนั้น ๆ ซึ่งรัฐมนตรีเห็นว่าสำคัญ และได้ระบุไว้ ในกฎกระทรวง (กฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2490))

ปืน BB ไม่ใช่อาวุธปืนตาม มาตรา 4(1) แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (โดยความเห็น จากการพิสูจน์ โดยกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ซึ่งบทบัญญัติในมาตรา 4(1) ระบุไว้ อย่างชัดเจน ดังนี้

มาตรา 7

ห้ามมิให้ผู้ใดทำการ ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่

เนื่อง จากปืน BB ไม่ใช่อาวุธปืน การซื้อ (ไม่รวมถึงการนำเข้า) มี และใช้ปืน BB ไม่ต้อง ขออนุญาต ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ

มาตรา 8 ทวิ

ห้าม มิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัว เมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามควรแก่พฤติการณ์ ไม่ว่ากรณีใด ห้ามมิให้พาอาวุธไปโดยเปิดเผย หรือพาไปในชุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด

เนื่องจากปืน BB ไม่ใช่อาวุธปืน การพกพา และขนย้ายปืน BB โดยมิดชิด และ ไม่เปิดเผยไปในยานพาหนะ หรือ กับตัวผู้ขนย้าย ไม่เป็น ความผิด ตามมาตรา 8 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ



เรื่องของความปลอดภัย จริงๆตัวสนามก็มีระบุบไว้อย่างชัดเจน

หน้ากาก เครื่องป้องกันชิ้นสำคัญไงครับ ท่านสังเกตเพื่อนที่ท่านร่วมเล่นอยู่ในสนามบางหรือเปล่าว่ามันมีมากน้อยเพียงใด
รุปแบบของหน้ากาก ตัวสนามเองก็มีให้บริการอยู่แล้วรุปแบบของหน้ากากเต็มหน้า หรือไม่ท่านก็สามรถจัดหามาใช้เป็นส่วนตัวได้
ปืนละกระบอกหลายๆพัน หากคิดจะเล่นในสนามหน้ากากแบบเต็มหน้า ท่านสามารถหาได้ในราคาไม่เกิน1000 ผมคิดว่ามันไม่ลำบากมากนักนะครับ รูปแบบของแว่นเกาะหูมันไม่ใช้รูปแบบที่ถูกต้องสำหรับเครื่องป้องกันในสนาม มันมีโอกาสหลุดหรือหล่นได้ทุกขณะ หน้ากากแบบเต็มหน้า ก็เป็นอีกรูปแบบของการแสดงน้ำใจอย่างนึงในสนาม
เป็นการแสดงน้ำใจให้กับผู้ที่เล่นด้วยกันภายในสนามขณะนั้นว่า เค้าสามารถยิงคุณได้อย่างไม่ลำบากใจมากนัก รูปแบบของเกมส์การเล่นในสนาม เราไม่สามารถเลือกจุดยิงได้ทุกครั้งไป โอกาสของการโดดยิงใบหน้ามีสูงมาก80% คือจุดกระทบหลักของเกมส์

ถุงมือ ก็เป็นอีก1เครื่องป้องกันที่ผมแนะนำให้คุณหามาใช้กัน
รูป แบบของถุงมือแนะนำแบบเต็มนิ้ว มันจะช่วยในเรื่องของการลดแรงปะทะไปได้เป็นอย่างมาก ข้อต่อของนิ้วและบริเวณเล็บมือ ถ้าโดนจังๆเจ็บนะครับ และโอกาสของการโดดยิงก็มีสูงด้วยเช่นกัน
ถุงมือนอกจากช่วยป้องกันหรือ ช่วยลดแรงปะทะของลูกบีบีแล้ว มันยังช่วยในส่วนของพวกเสี้ยนไม้ต่างๆที่มีอยู่ในสนาม หรือในช่วงจังหวะที่คุณพลาดล้มลง ถุงมือก็จะช่วยไม่ให้เกิดบาดแผลได้ด้วยเช่นกัน
ถุงมือแบบกุด ที่โชว์นิ้วก็ไม่ต่างจากการไม่ใส่เลย ใส่ทั้งที่เลือกๆของหน่อย

สนับเข่า เป็นอีก1ชิ้นอุปกรณ์ที่สำคัญเช่นกัน ช่วยได้เยอะจากพวกเศษหินต่างๆหรือจากการล้มกระแทก
หิน ก้อนเล้กเพียงบางก้อนหากคุณล้มกระแทกโดน เจ็บปวดมากนะครับ ผมเคยโดนมาแล้วสมัยที่ยังเล่นเพนท์บอลอยู่สไลด์ตัวเข้าบังเกอร์แล้วเจอหิน ใต้ทราย เข่าไม่มีสนับ เดินเป้อยู่2อาทิตย์

เป็นอุปกรณ์ 3 อย่างหลักๆที่อยากใหคุณหามาใช้เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติภายในสนาม
ป้องกันก่อนที่จะเจ็บตัว ดีกว่าโดนยิงแล้วมาบ่น

ลูก กระสุน ที่ใช้เราเรียกกันง่ายๆว่า ลูก BB (Ball Bullet) ลักษณะเป็นลูกบอลกลมๆเม็ดเล็กๆ คล้ายกับที่เด็กๆใช้ยิงเล่นกันทั่วไป แต่ลูกที่เราใช้จะมีคุณภาพดีกว่า คือลูกกลมมนไม่มีรอยต่อ น้ำหนักและขนาดได้มาตราฐาน เท่ากันทุกเม็ด และยังเคลือบผิวด้วยสารล่อหลื่น ราคาก็ประมาณ 200 - 300 บาท ต่อถุง ถุงหนึ่งบรรจุ 2500 - 3000 เม็ด (เพื่อนๆระวังการใช้ลูกคุณภาพต่ำอาจจะทำให้ปืนเสียหายได้ )

?

อุปกรณ์ช่วยเล็ง

ปืน BB. ที่เรา ๆ ท่าน ๆ เล่นกันอยู่ระยะยิงไกลสุดไม่เกิน 50 เมตร ซึ่งในระบบของอาวุธปืนจริงแล้วนั้นถือระยะ 50 เมตรลงมานี่เป็นระยะใกล้ถึงระยะประชิด เพราะฉะนั้น เครื่องช่วยเล็งที่เหมาะสมในระยะนี้จะต้องเป็นอุปกรณ์ช่วยเล็งที่สามารถให้ มุมมองที่กว้างทั้งทางซ้ายและขวา และจะต้องเป็นอุปกรณ์ที่สามารถช่วยให้ผู้ทำการยิงจับเป้าหมายได้อย่างรวด เร็วอีกด้วย

ผู้ออกแบบเครื่องช่วยเล็งส่วนใหญ่จึงออก แบบเครื่องช่วยเล็งสำหรับปืนในระยะ ประชิดให้มีลักษณะเป็นเพียงจุดเรืองแสนจุดเดียว ทำให้ผู้ยิงสามารถทาบจุดลงบนเป้าหมายแล้วเหนี่ยวไกส่งกระสุนเข้าเป้าได้ภาย ในเสี้ยววินาที โดยที่ไม่ต้องมาจัดศูนย์หน้า-หลังให้ตรงกันแบบศูนย์เปิด หรือควานหาเป้าหมายในมุมมองแคบ ๆ แต่ใกล้ ๆ แบบกล้องสโคป ซึ่งศูนย์ทั้งสอบแบบนี้มีระยะเวลาที่ผู้ทำการยิงจะต้องหาและเล็งก่อนยิงเป้า หมายสูง การ ต่อสู้ในระยะประชิดแบบนี้คำว่า ?ช้า? หมายถึง ?ความตาย? ผู้ออกแบบเครื่องช่วยเล็งทั่วโลกจึงลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ?ศูนย์จุดแดง? (ที่เราเรียกกันว่าเรดด็อตนั่นละครับ) แบบที่ไม่มีกำลังขยายหรือมีกำลังขยายไม่เกิน 3.5 เท่า และที่เป็นกล้องที่มีกำลังขยายควรมีเลนส์หน้ากว้างไม่น้อยไปกว่า 2 นิ้ว (โดยประมาณ) เป็นอุปกรณ์ช่วยเล็งที่เหมาะสมที่สุดในระยะประชิดนี้

สโคป สำหรับ กล้องที่มีกำลังขยายที่เราเรียกว่าสโคปนั้น สาเหตุที่ต้องมีกำลังขยายไม่เกิน 3.5 เท่านนั้นก็คือ กำลังขายขนาดนี้หรือต่ำกว่านี้ผู้ทำการยิงสามารถเล็งได้ด้วยการลืมตาสองข้าง ได้ โดยการฝึกสร้างความคุ้นเคยได้ไม่นานนัก แต่ถ้ากล้องมีกำลังขยายสูงกว่านี้จะมีความคลาดเคลื่นสูงเมื่อผู้ยิงเล็งด้วย สองตา ประโยชน์ของกล้องเล็งแบบที่มีกำลังขยายคือ เมื่อเป้าหมายอยู่ในระยะไกลกว่า 25 เมตร กล้องสโคปกำลังขยายต่ำแบบนี้จะสามารถขยายเป้าหมายให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพียงพอ ที่ผู้ยิงจะสามารถเลือกยิงให้โดนจุดใด ๆ ของเป้าหมายที่ผู้ยิงตั้งใจยิงให้โดน (ขึ้นอยู่กับประเภทของอาวุธปืนด้วย) ซึ่งจะมีความได้เปรียบกว่าศูนย์จุดแดงที่ไม่มีกำลังขยายเล็กน้อย

ที่มาจาก http://www.suwapuch-bbgun.com

แนะนำ BB Gun แต่ละรุ่น

M4A1 คือปืนรุ่นเล็กของ M16A2 ถูกดัดเเปลงให้เหมาะสมกับภารกิจรบพิเศษ เเละกำลังถูกใช้อยู่ในหน่วยรบพิเศษของกองทัพสหรัฐอเมริกา จุดเด่นที่ให้เเก่ M4A1 คือมันสามารถเเสดงศักยภาพทางการรบได้ดีทั้งในเวลากลางวันเเละกลางคืน อีกทั้งยังสามารถใส่อุปกรณ์เสริมได้ทุกชนิดเเม้ว่าจะมีขนาดเล็กก็ตาม อุปกรณ์เสริมของรุ่นนี้ อาทิเช่น ที่จับด้านหน้า , อินฟาเรด เลเซอร์, ลำกล้อง 9 นิ้วของปืนยิงลูกระเบิดที่นำกล้องเล็งเเละที่หิ้วปืนมาประกอบเข้าด้วยกัน, visible light , back up iron slight เเละ visible laser


Airsoft Gun M4A1 ของ Tokyo Marui ซึ่งได้ว่าจ้างให้likes of Killer Studio และ Systema สร้างขึ้น โดยปืนรุ่นนี้ ได้รับความนิยมมาจาก หน่วยปฏิบัติการพิเศษของอเมริกา ซึ่งสามารถเข้าถึงพื้นที่แคบๆในอาคารได้ ในส่วนของ BB ตัวนี้ความนิ่งอยู่ในระดับที่ดีเนื่องจาก พลังที่ได้จากมอร์เตอร์ Eg 1000 และลำกล้องที่ยาวขึ้นศูนย์เล็งที่เห็นได้ชัดเจนทำให้คนที่ชอบในตัวของ M16 A2 ต้องชอบ M4A1 อย่างแน่นอน


MP-5 ผลิตโดยบริษัท H&K เป็นหนึ่งในปืนกลเบา (Sub machine gun) ที่ใช้กันเเพร่หลายที่สุดในบรรดาปืนที่ถูกผลิตขึ้นภายหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งเเต่ปี คศ. 1964 MP-5 เริ่มผลิตภายใต้ชื่อง่ายๆว่า HK54 หรือ HK MP-54 เเละในปี คศ 1966 หน่วยป้องกันชายเเดนกับตำรวจของเยอรมนีได้พัฒนา HK54 ให้กลายเป็น MP5 ที่เหมือนกับในปัจจุบันนี้ เป็นรุ่นเเรกๆในเวลานั้นที่ใช้ระบบล็อก/พับ พานท้ายปืน เเละหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปีบริษัท H&K ได้ทำการรีโมเด็ลลิงต่างๆมากมาย เช่น เปลี่ยนที่เก็บเสียงเพื่อทำให้มีเสียงเบาที่สุด จนกลายเป็นรูปร่างหน้าตาที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้

ปืนกล H&K MP5 ใช้ระบบปฏิบัติการ Roller-delayed blowback, closed bolt ในการทำการยิง มีระบบการยิง 3 แบบคือ Safe > Burst >Full Auto ใช้กระสุนขนาด 9x19 mm. Parabellum และขนาด 10 mm. มีความจุ 15/30 นัดต่อแมกกาซีน อัตราการยิง 800 นัด/นาที เป็นปืนกล ที่มีขนาดเบา และนิยมใช้ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษเช่น S.W.A.T. ,Ranger ,Green Beret และอีกหลายหน่วยทั่วโลก ในส่วนของ Airsoft Gun นั้น ได้รับความนิยมในอันดับต้นๆ โดยเฉพาะของ Tokyo Marui ส่วนในตลาดปืนจีนนั้นอยู่ในอันดับต้นๆ เลย คุณภาพงานก็ใช้ได้สมราคา MP5 AirSoft นั้นมีขิงตกแต่งค่อนข้างมากและหาซี้อง่ายพอสมควร


AK47
K ซีรีย์เป็นปืนไรเฟิลอัตโนมัติผลิตโดยบริษัท Kalashinikova ในปี 1947 โมเดล AK-47 ถูกเลือกให้เป็นปืนไรเฟิลประจำการของกองทัพสหภาพโซเวียต ปืนรุ่นนี้รวมไปถึงปืนไรเฟิลเเบบ 58 ของเกาหลีเหนือสามารถพบเห็นได้บ่อยที่สุด จนถึงปัจจุบันจากสงครามต่างๆทั่วโลกเเละสงครามเย็น
ในปัจจุบันถูกพัฒนามาเป็น AK-74 โดยใช้ขนาดกระสุน 5.45 มม. เเละ ผลิตออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อเป็น ปืนไรเฟิลประจำการของกองทัพรัสเซีย


G36-C คือปืนรุ่นเล็กของ G36 พัฒนาโดยบริษัท H&K ในช่วงต้นยุค 90 มีลักษณะคล้ายกับ HK-50 มาก ผลิตออกมาเพื่อทดเเทน MP-5 ที่มีพลังการทำลายล้าง เเละพลังการทะลุต่อฝ่ายตรงข้ามในขณะที่สวมชุดเกราะน้อยมาก


HK416
ใน จำนวนปืนอัดลมที่นัก เล่น และนักสะสม Collection จะต้องมีหรือใฝ่ฝันว่าจะต้องมี คือ M4/M4A1 อาวุธประจำกายของฝั่งค่ายโลกเสรี ที่ใช้กันในหน่วยทหาร ตำรวจ HK416 เดิมรู้จักกันในนามของ HK M4 ให้มีคุณสมบัติที่ดีขึ้นตามความต้องการของผู้ใช้งาน เช่นการใช้งานของ หน่วยพิเศษต่างๆ ที่ต้องการอาวุธที่ดีที่สุด และเชื่อใจได้เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ของความเป็นความตาย HK ได้พัฒนาระบบกลไกภาย ในและชิ้นส่วนหลายส่วนของปืนสไตล์ M16/M4 ที่ได้รับความนิยมให้สามารถใช้งานได้เสถียรขึ้น ภายใต้การใช้งานในสภาพสภาวะต่างๆ ด้วยกระสุนทุกชนิด และความยาวลำกล้องที่หลากหลาย ทั้งขณะติดอุปกรณ์ลดเสียง หรือไม่ได้ติดตั้งก็ตามซึ่งนั่นก็คือ HK416 นั่นเอง

ด้วยรูปลักษณ์ ที่ดุดันสวยงาม พร้อมอุปกรณ์ แต่งที่มีอีกมากมาย คงถูกใจแฟนๆ ชาวบีบี ให้รีบซื้อหามาสะสมกัน ภาพต่างๆที่เห็นนี้ผมรวามรวมมาจากเว็บต่างๆ และจากหนังสือบ้างรวบรวมไว้ให้ท่านได้ดูกัน หากท่านมีข้อมูลเพิ่มเติม หรือได้เป็นเจ้าของ HK416 แล้วส่งรูปมาให้ดูกัน แบ่งๆกันชมบ้างน่ะครับ


ปืนเอ็ม 16 เป็นปืนเล็กยาวที่กองทัพบกสหรัฐอเมริกากำหนดขึ้น โดยเรียกชื่อไล่จาก Armalite AR-10 เป็นปืนเล็กยาวจู่โจมที่ยิงด้วยกระสุนมาตรฐานขนาด 5.56 x 45 mm.NATO เดิมใช้เป็นปืนเล็กยาวประจำกายในหมู่ทหารราบของกองทัพบกอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ. 1967เพื่อมาประจำการแทนปืน M14 ซึ่งใช้กระสุนขนาด 7.62x51 mm. (.308 Winchester) และยังใช้กันอยู่ในกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การ NATO ทั้ง 15 ประเทศมาจนถึงปัจจุบัน

ปืน M16 เป็นปืนที่มีน้ำหนักเบา บรรจุกระสุนในซองกระสุน (Magazine) บรรจุกระสุนด้วยแรงดันก๊าซ ระบายความร้อนด้วยอากาศ วัสดุที่ใช้ผลิตปืนผสมผสานทั้งเหล็กกล้า อะลูมิเนียม และพลาสติก


?

M4 S-System คือปืนที่บริษัท Arms อเมริกา คิดค้นขึ้นมา Real Site ที่ศูนย์-ศูนย์หลัง (ติดอุปกรณ์ต่างๆ ที่บริษัท Arms อเมริกา คิดขึ้น) Stock 6 Position เบาขึ้นและแข็งแรง Outer Barrel เป็นอลูมิเนียมตรงหูเฟรม (ชอบหักเวลากระแทก) ใส่แผ่นเหล็กเสริมเข้าได้ Gear Box ถูกปรับแต่งใหม่

?

?


M14 เป็นปืนที่ถูกรักแอบๆจาก M16 ตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเวียดนามถึงปัจจุบัน ออกมาเป็นปืนไฟฟ้าโดยโตเกียวมารูอิ ใช้เกียร์บล็อคเวอร์ชั่น 7 ของมารูอิ และก็ไกปืนที่รู้สึกเหมือนของจริง อะไหล่ส่วนมากใช้โลหะเสียส่วนใหญ่ มีความทนทางและน้ำหนัก หนัก ตัวสต็อคปืนจะมี 2 รุ่น รุ่นลายไม้และก็รุ่นไฟเบอร์สีเขียวขี้ม้า มันสามารถจะเอามาใช้เล่นเป็น สไนเปอร์แบบซีมี่ออโต เพราะความแม่นและสมจริง


M4 CQB = เป็นรุ่นพัฒนาจาก S SYSTEM แต่เกียร์บ๊อกขาว ธรรมดา แรงต้น 350 + ส่วนตัวนี้เป็นรุ่นพิเศษที่แบต ใส่ตรงพานท้าน เรียกว่า พานท้ายเครน เป็นแบตแบบ 3 ทาง น้ำหนักก็ราวๆ S SYSTEM ประกับเป็นเหล็ก


Dragunov SVD


M16-RIS


MP7


SIG552


?

รุ่นต่างๆ ของ ปืน(BB)ตะกูล M16/M4A1

โพสต์โดย eddien เมื่อ จันทร์ 01 มิ.ย. 2009 6:30 pm

รูปภาพ
M4A1-carbine ver.1 ตัวนี้เป็นเกียร์บ็อกส์สีขาว ดูจากโลโก้นกบนกล่อง ซึ่งจะมีสีดำ ความแรง 350-380 Fps.

รูปภาพ
M4A1-carbine F เป็น M4A1 แบบเดียวกับตัวด้านบน แต่เปลี่ยนพานท้ายเป็นแบบ Folding Stock ความแรง 350-380 Fps.

รูปภาพ
M4A1-carbine ver.2 ตัวนี้เป็น M4A1 รุ่นที่สองของ JG โดยเกียร์บ็อกส์จะมีสีดำ สังเกตุได้จากโลโก้นกบนกล่อง ซึ่งจะต่างจากรุ่นแรก ความแรง 380-440 Fps.

รูปภาพ
M4A1-carbine ver.3 รุ่นล่าสุดของ JG (พค 52) ซึ่งทำออกมาเป็นบอดี้โลหะ ความแรง 400-460 Fps.

รูปภาพ
M4A1-carbine S-System เป็น m4 ที่ใช้ระบบรางแบบ SIR. System ตัวแรกของ JG ver.1 ความแรง 350-380 Fps., ver.2 400-440 Fps.

รูปภาพ
M4A1-carbine S-System ver.3M4 ที่ใช้ระบบรางแบบ SIR. System ตัวที่สองของ JG ครับ มาเป็นบอดี้เหล็ก เกียร์บ็อกส์ตัวท๊อป ความแรง 400-440 Fps.

รูปภาพ
SR-16 ราง SIR. พานท้ายเต็ม ภายในไม่มีอะไรต่างจาก M4A1ความแรง 350-380 Fps.

รูปภาพ
M4A1 C.Q.B. หน้าสั้น ประกับ RIS. ความแรง ver.1 350-380 Fps., ver.2 400-440 Fps.

รูปภาพ
M4A1 C.Q.B. FULL METAL เปลี่ยนรูปโฉมเดิมด้วยบอดี้เหล็กยิงลาย และเกียร์บ็อกส์ดำ ความแรง 400-440 Fps.

รูปภาพ
M4A1- M733 commando ต่างจาก M4 ตรงประกับ จะมีความยาวและเล็กกว่า ลำกล้องสั้นกว่า พานท้ายเป็นแบบเก่า ถอดหูบนไม่ได้ ความแรง 350-380 Fps.

รูปภาพ
M4A1- M733F commando เหมือน M733 แต่พานท้ายเป็นแบบ Folding Stock ความแรง 350-380 Fps.

รูปภาพ
M4A1- M733 commando Full Metal มาในลุคส์ใหม่ ด้วยโลหะทั้งตัว สรรพคุณ เช่นเดียวกับเพื่อนมันครับ อะไรที่ Full Metal ทั้งหลาย ความแรง 400-440 Fps.

รูปภาพ
M16A1 เป็น A1 ที่ไม่เต็มเต็งเท่าไหร่นัก เพราะหูหิ้วดันเป็นแบบ M4A1 เป็นเกียร์บ็อกส์ดำ ความแรง 400-440 Fps.

รูปภาพ
M16A2 เริ่มดูเหมือนจริงมาบ้างสำหรับ A2 ความแรง ver.1 350-400 Fps., ver.2 400-440 Fps.

รูปภาพ
M16A4 ที่จริงมันควรเป็น M16A3 เพราะโหมดการยิงเป็นแบบ Semi-Auto และ Full-Auto หูหิ้วเป็นแบบถอดได้ ความแรง 350-400 Fps.

รูปภาพ
M16A4 RAS. ควรเป็น A3 อีกน่ะแหละ โหมดการยิงเหมือนเดิม เปลี่ยนประกับเป็นแบบ RAS ความแรง 350-400 Fps.

รูปภาพ
M4 CQB. Stubby Killer สั้นกว่าเดิม มีเกียร์บ็อกส์ดำ พานท้ายเป็นแบบมินิ ที่สนาม มีให้เช่า ความแรง 350-370 Fps.

รูปภาพ
M4 CQB. Stubby Killer full metal เป็นบอดี้เหล็ก เกียร์บ็อกส์เป็นเหมือน M4A1 Full Metal แต่งมาพร้อมสรรพ ความแรง 360-380 Fps.

AK-47

คำ ว่า AK-47 ย่อมาจากภาษารัสเซียว่า Avtomat Kalashnikova 1947 (อัฟโตมัช คลาชนิคอฟ 1947 โกดาก) แปลเป็นไทยก็คือ ปืนไรเฟิลอัตโนมัติคาลาชนิคอฟ รุ่นปี 1947 ออกแบบในปี 1941 โดยส.อ.มิคาอิล ทีโมฟีวิช คลาชนิคอฟ(ยศในตอนนั้น) ผลิตโดยโรงงานผลิตอาวุธในกลุ่ม IZHMA




creadit: http://www.lannaholiday.com